
Supreeya
วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555
วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555
ลั่นทม / ลีลาวดี ( Frangipani )
ลักษณะทั่วไป : ไม้ต้นขนาดเล็ก สูง 3 - 7 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดแผ่กว้าง ทุกส่วนของต้นมีน้ำยางสีขาว ใบเดี่ยว รูปใบหอก แกมรูปขอบขนาน ขนาด 5-8 x 20 - 30 ซม. ออกเวียนสลับ ปลายใบมน ใบหนา สีเขียวเป็นมัน ใต้ใบมีขน ออกดอกเป็นช่อกระจุกแยกแขนงขนาดใหญ่ที่ซอกใบปลายกิ่ง ดอกย่อยจำนวนมาก โคนกลีบดอกติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ กลมมน ซ้อนเหลื่อมกันสีขาว กลางดอกสีเหลือง กลิ่นหอมมาก ผลเป็นฝักยาวรี ขนาด 1.5 x 15 ซม. ติดกันเป็นคู่ กางออกและงอโค้ง เมื่อแก่แตกตามยาวเมล็ดแบนจำนวนมาก มีปีก ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด ตอน หรือปักชำกิ่ง
ลีลาวดีมีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกา พบในบริเวณพื้นที่ตั้งแต่ประเทศเม็กซิโกตอนใต้ถึงตอนเหนือของทวีปอเมริกา โดยเฉพาะหมู่เกาะทะเลแคริบเบียน
ลั่นทมจัดว่าเป็นดอกไม้จากเขตร้อน ที่มีความโดดเด่นในการทำพวงมาลัย สำหรับนักระบำ งานรื่นเริง ตลอดจนงานเฉลิมฉลองต่างๆ ส่วนของกลีบที่เหลือบซ้อนกันอย่างอ่อนช้อย คือที่มาของกลิ่นหอมเย็นใจ และความที่ลั่นทมมักจะอยู่รวมกันเป็นช่อเล็กๆ ดูน่ารัก จึงทำให้ได้รับการเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่า "ต้นดอกไม้ช่อเล็ก" โดยเริ่มตั่งแต่สีขาวครีม สีเหลืองอร่าม สีชมพูแดงและสีแดงเข้ม บางสายพันธุ์ ก็มีสีเหลือบกันภายในกลีบอย่างสวยงาม ดังนั้น การมอบลั่นทมเป็นของขวัญวันเกิดควรให้เป็นลั่นทมกระถางจะดีกว่า ดอกลั่นทมปลูกเองได้ง่าย ถ้าหากปลูกลั่นทมปลายฤดูใบไม้ผลิก็จะออกดอกให้คุณชื่นใจและพร้อมจะเป็นของขวัญวันเกิดได้แล้วในช่วงเดือนกันยายนอีกด้วย
กุหลาบพันธุ์ผสมหรือ Hybrid Tea Rose
ชื่อวิทยาศาสตร์ Rosa hydrida
ชื่อสามัญ Rose
ชื่อตระกูล Rosaceae
ถิ่นกำเนิด ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า กุหลาบเป็นไม้ตัดดอกที่มีวิวัฒนาการมานาน 35 – 70 ล้านปี กุหลาบพันธุ์ดั้งเดิมมีทั้งชนิดกลีบดอกชั้นเดียว และ กลีบดอกซ้อน การปลูกกุหลาบ ในยุคใหม่ได้เริ่มต้นปี ค.ศ. 1800 ณ ประเทศฝรั่งเศส โดยสตรีผู้หนึ่งชื่อ เอ็มเพรส โว ซิฟิน ได้พยายามรวบรวมพันธุ์กุหลาบจากสถานที่ต่าง ๆ ไว้ถึง 256 พันธุ์ จากนั้นก็ได้มีการผสมพันธุ์ และวิวัฒนาการเรื่อยมา นับร้อย ๆ ปี จนได้พันธุ์ผสมของกุหลาบตัดดอก (Hybrid Tea) ที่ได้ปลูกกันอยู่ทุกวันนี้ และได้มีการผสมพันธุ์ต่าง ๆ เรื่องมา จนสำเร็จออกมาเป็น Hybird Tea ในปี ค.ศ. 1876 และปัจจุบัน Hybird Perpetual และ Tea Rose ก็ยังได้รับการผสมพันธุ์และปรับปรุงพันธุ์อยู่เสมอมา
ชื่อวิทยาศาสตร์ Rosa hydrida
ชื่อสามัญ Rose
ชื่อตระกูล Rosaceae
ถิ่นกำเนิด ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า กุหลาบเป็นไม้ตัดดอกที่มีวิวัฒนาการมานาน 35 – 70 ล้านปี กุหลาบพันธุ์ดั้งเดิมมีทั้งชนิดกลีบดอกชั้นเดียว และ กลีบดอกซ้อน การปลูกกุหลาบ ในยุคใหม่ได้เริ่มต้นปี ค.ศ. 1800 ณ ประเทศฝรั่งเศส โดยสตรีผู้หนึ่งชื่อ เอ็มเพรส โว ซิฟิน ได้พยายามรวบรวมพันธุ์กุหลาบจากสถานที่ต่าง ๆ ไว้ถึง 256 พันธุ์ จากนั้นก็ได้มีการผสมพันธุ์ และวิวัฒนาการเรื่อยมา นับร้อย ๆ ปี จนได้พันธุ์ผสมของกุหลาบตัดดอก (Hybrid Tea) ที่ได้ปลูกกันอยู่ทุกวันนี้ และได้มีการผสมพันธุ์ต่าง ๆ เรื่องมา จนสำเร็จออกมาเป็น Hybird Tea ในปี ค.ศ. 1876 และปัจจุบัน Hybird Perpetual และ Tea Rose ก็ยังได้รับการผสมพันธุ์และปรับปรุงพันธุ์อยู่เสมอมา
และเป็น กุหลาบหอมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก กุหลาบพันธุ์นี้จะให้กลิ่นหอมมากถ้าได้รับแสงแดดพอสมควร และเมื่ออยู่บนต้นเป็นพุ่มขนาดกลาง จะหอมแรงกว่าตัดออกมาแล้ว ในภาษาดอกไม้ การส่งกุหลาบพันธุ์นี้ไปให้ เสมือนบอกว่า"ความงามของคุณโฉบเฉี่ยวอยู่เสมอ" ทีโรสเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง ทรงโกศ ช่อดอกตั้งตรงที่ฤดูออกดอกยาวนาน สิ่งเหล่านี้เป็นคุณสมบัติที่สั่งสมมานานจากกุหลาบเอเซียกุหลาบกลิ่นลาเวนเดอร์คือ กุหลาบพันธุ์ผสมที่มีกลิ่นหอมแรงที่สุด หากมอบกุหลาบอย่าลืมแนบข้อความไปกับช่อกุหลาบด้วยว่า ควรตัดก้านกุหลาบในน้ำก่อนจะจัดลงแจกัน หรือจะมอบเป็นกุหลาบกระถางก็เก๋ไม่เบา
ไลแล็ค ( Lilac )

ในภาษาดอกไม้ไลแล็คสีม่วง คือ อารมณ์รักครั้งแรก ไลแล็คสีขาว หมายถึง ความไร้เดียงสาของวัยเยาว์ ในขณะที่ไลแล็คป่า คือ ความอ่อนน้อมถ่อมตน วิธีการจัดช่อดอกไลแล็คให้คนที่คุณรัก ก่อนอื่นต้องปลิดใบออกเกือบหมดเหลือเพียงใบที่อยู่ใกล้ดอกมากที่สุดเพียง 2-3 ใบ ตัดก้านดอกออกครึ่งหนึ่ง แล้วจึงจัดลงกระถางหรือแจกันที่เตรียมไว้ หากผู้รับคือนักปลูกต้นไม้ตัวยง การมอบไลแล็ค กระถางให้ย่อมถูกใจมากกว่า ที่สำคัญคือควรเลือกไลแล็คพันธุ์ที่มีกลื่นหอมทน เช่น มาดามเลอมวง, เอดิธคาร์เวล, ลาเวนเดอร์ เลดี้
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/
ที่มา : http://th.wikipedia.org/wiki/
ฟรีเซีย ( Freesia )

ฟรีเซีย (Freesia spp.) เป็นไม้ดอกเมืองหนาวประเภทหัว มีสีสันสวยงาม กลิ่นหอม มีถิ่นกำเนิดในแถบทวีปแอฟริกาตอนใต้ ตามประวัติฟรีเซียถูกค้นพบโดย Christian Ecklon และได้ตั้งชื่อพืชนี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่นักสรีระวิทยาชาวเยอรมันชื่อ Dr. Friedrich Heinrich Thoedor Freese ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญทางพืชสวน
ความงามอย่างอ่อนช้อย คือคุณสมบัติเด่นของฟรีเซีย บวกกับความหอมหวนของมันยิ่งทำให้ ดอกไม้ชนิดนี้เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับเป็นช่อดอกไม้ วันเกิดช่วงวาเลนไทน์ ลักษณะของฟรีเซียเป็นดอกรูปแตรเรียงโค้งอยู่บนปลายกิ่ง ทำให้มันกลาย เป็นไม้ตัดดอกที่สวยที่สุด หลักเกณฑ์ในการเลือก ฟรีเซียคือ ต้อง เลือกกิ่งที่มีดอกบานเพียงดอกเดียว เพราะดอกที่เหลือจะบานที่หลังในเวลาอันรวดเร็ว แล้วจึงจัดช่อโดยใช้ใบเฟิร์นแซมก่อนจะผูกด้วยริบบิ้น เส้นเล็กๆ สีเข้ากับดอก แต่ควรเลือกของขวัญเป็นฟรีเซียกระถางมากกว่า เพราะฟรีเซียก็เหมือนดอกไม้ ส่วนใหญ่ที่จะหยุดส่งกลิ่นหอมทันทีที่ถูกตัดออกจากต้น
ดอกลิลลี่อีสเตอร์ (Easter Lilly)

ลิลลี่เป็นไม้ดอกที่มีหัวสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน หัวของลิลลี่ คือ ส่วนลำต้นที่อัดตัวกันแน่น ประกอบด้วยฐานของหัว ลักษณะเป็นแผ่นแบนๆ ด้านบนเป็นกลีบเรียงซ้อนกันเป็นชั้นคล้ายกลีบหอมหัวใหญ่ ทำหน้าที่เก็บสะสมอาหาร ด้านล่างของฐานจะมีรากงอกออกมา หัวของลิลี่จะเจริญเติบโตและเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละปีจะสร้างจุดเจริญใหม่ภายในหัว เมื่อหัวพัฒนาเต็มที่และ ได้ผ่านช่วงฤดูหนาวเกิดการทำลายการฟักตัวของหัว ยอดใหญ่จะเจริญเติบโตเป็นลำต้นเหนือดิน และส่วนยอดะสร้างช่อดอก ซึ่งดอกจะมีกลีบดอก 6 กลีบ แยกออกจากกัน มีเกสรตัวผู้ชูขึ้นอยู่ใจกลางดอก ลิลลี่นั้นมีหลายสี มีทั้งสีขาว ชมพู ส้ม แดง ม่วง และมีสองสีในดอกเดียวกัน นอกจากนี้บางพันธุ์ยังมีจุดประบนกลีบดอกอีกด้วยซึ่งได้รับความนิยมมาก ดอกจะบานได้ 2 - 4 วัน ขยายพันธุ์โดยการใช้หัว
ลิลลี่ถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธ์ในศาสนา โดยที่ลิลลี่สีขาวหมายถึงพระแม่มารี ซึ่งชาวตะวันตกได้ใช้ประโยชน์ของลิลลี่ทั้งทางด้านการเป็นเครื่องประทินโฉมและเพื่อการรักษาโรค สำหรับช่อดอกลิลลี่ อีสเตอร์วันเกิด หมายถึงความหอมหวนแห่งฤดูร้อนที่มอบแด่ผู้รับในช่วงสุดท้ายของฤดูหนาว หรือหากต้องการให้ลิลลี่วันเกิดสร้างความประทับใจผู้รับแล้วละก็ ในการมอบลิลลี่แบบเป็นกระถางให้ก็นับว่าเป็นของขวัญที่พิเศษมากและประโยชน์ของลิลลี่แบบกระถางคือ เมื่อดอกสีขาวบริสุทธิ์ถึงเวลาโรยราก็ไม่ได้หมายความว่าต้นของมันตาย เนื่องจากว่ารากของมันยังสามารถนำไปปลูกได้อีก
แดฟโฟดิล ( Daffodill )

ดอกไม้ในกลุ่มแดฟโฟดิล จะมีหลากหลายชนิดมากมีแตกต่างกันอย่างน้อย 25 ชนิด(species) และมีราว 1300 hybrids
มีคนเปรียบเทียบไว้ว่าการได้โอบกอดช่อดอกแดฟโฟดิลไว้เต็มอ้อมแขนก็เหมือนหนึ่งได้โอบกอดแสงสุริยันไว้ทีเดียว แดฟโฟดิลทุกสายพันธุ์ล้วนมีกลิ่นหอม แต่แดฟโฟดิลสีเหลืองมีกลิ่นหอมที่สุด ซึ่งดอกไม้ชนิดนี้มีความหมายพิเศษที่ว่า "เกียรติยศแห่งอัศวิน"ดังนั้นการมอบกระถางแดฟโฟดิลจะดีกว่าให้เป็นช่อดอกไม้ โดยเฉพาะในช่วงนี้ก็เป็นความคิดที่ดี เพราะผู้รับจะมีโอกาสชื่นชมความงามแดฟโฟดิลได้นานกว่า และเคล็ดไม่ลับสำหรับการจัดช่อดอกแดฟโฟดิลกับไม้อื่น นั่นคือการแช่ก้านแดฟโฟดิลในน้ำอุ่นหนึ่งคืน เพราะยางของแดฟโฟดิลนั้นมีพิษ การแช่น้ำจะทำให้พิษสลายไปได้
ที่มา : http://www.sookjai.com/index.php?topic=165.0
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)